กฟผ. ผนึกกำลัง สฟอ. และพันธมิตร นำร่องกำจัดซากเครื่องปรับอากาศและสารทำความเย็นอย่างถูกวิธี เพื่อร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมแคมเปญ “เก่าแลกใหม่” รับส่วนลด 1,000 บาท เมื่อซื้อแอร์ใหม่ และส่งมอบแอร์เก่าไปจัดการซากอย่างถูกวิธี คาดช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 1,000 ตัน ตอบโจทย์เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ของประเทศอย่างยั่งยืน
วันนี้ (10 ตุลาคม 2566) นายธวัชชัย สำราญวานิช ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมทำความเย็น (EGAT Cooling Innovation Fund : CIF) ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมกระบวนการจัดการซากเครื่องปรับอากาศและสารทำความเย็นอย่างถูกวิธี ต่อยอดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ภายใต้กองทุน CIF และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของอุตสาหกรรมการทำความเย็นกับการขับเคลื่อนประเทศไทยให้มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” โดยมีนายณรัฐ รุจิรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (สฟอ.) ผู้แทนจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น และบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมงาน ณ โรงแรมริชมอนด์ แกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น อ.เมือง จ.นนทบุรี
นายธวัชชัย สำราญวานิช ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นของโลก กฟผ. จึงมุ่งสนับสนุนโครงการเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง เบอร์ 5 มากว่า 30 ปี และได้เดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมทำความเย็นสู่เทคโนโลยีสีเขียว โดยเปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็นธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการสนับสนุนมาตรการทางการเงินจากกองทุน CIF รวมถึงต่อยอดความร่วมมือระหว่าง กฟผ. สฟอ. และเครือข่ายพันธมิตรเดินหน้าโครงการส่งเสริมกระบวนการจัดการซากเครื่องปรับอากาศและสารทำความเย็นอย่างถูกวิธี นำร่องกระบวนการในการรวบรวมเครื่องปรับอากาศที่หมดอายุการใช้งาน เข้าสู่กระบวนการถอดแยกและกำจัดอย่างถูกวิธี ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) พร้อมจัดกิจกรรม “เก่าแลกใหม่” โดยประชาชนจะได้รับส่วนลด 1,000 บาท ต่อการซื้อเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง เบอร์ 5 ใหม่ 1 เครื่อง เพียงนำเครื่องปรับอากาศเก่าให้ช่างดำเนินการถอดและดูดกลับสารทำความเย็น และนำไปจัดการซากอย่างถูกวิธี นำร่องที่ห้างสรรพสินค้าโฮมโปร สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต สาขาประชาชื่น และสาขาราชพฤกษ์ รวมทั้งสิ้น 375 สิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 1,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศสามารถมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ได้ในอนาคต
นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้ปรับรูปแบบฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โดยเพิ่มข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น อาทิ การออกแบบเพื่อการหมุนเวียนวัสดุหรือใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิต การขนส่ง และการกำจัดของเสียที่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยจะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
ด้านนายณรัฐ รุจิรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (สฟอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการส่งเสริมกระบวนการจัดการซากเครื่องปรับอากาศและสารทำความเย็นอย่างถูกวิธี ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการซากเครื่องปรับอากาศและสารทำความเย็น ทั้งผู้จำหน่าย ผู้บริโภค ผู้รวบรวมซากฯ ศูนย์รวบรวมซากฯ ผู้ขนส่งซากฯ และโรงถอดแยกหรือกำจัด เกิดกระบวนการบริหารจัดการซากเครื่องปรับอากาศและสารทำความเย็นไปยังภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนกลไกในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ตามร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะบังคับใช้ในอนาคต ผลักดันและเตรียมความพร้อมของประเทศให้สามารถสร้างระบบการจัดการซากผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเสียอันตรายได้อย่างปลอดภัย ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน ทั้งนี้สถาบันฯ พร้อมเป็นหน่วยงานที่ช่วยส่งเสริมและเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ต่อไป
E ENTER NEWS