23 ปี กรมอุทยานฯ ชูภารกิจเด่น 9 ด้าน สะท้อนความสำเร็จ มุ่งสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ฉลองครบรอบ 23 ปี แห่งการก่อตั้ง (2 ตุลาคม 2545) อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 ชูภารกิจเด่น 9 ด้าน สะท้อนความสำเร็จ มุ่งสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ มุ่งเน้นภารกิจหลักในการดูแลผืนป่าอนุรักษ์กว่า 73.857 ล้านไร่
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ ได้ทำหน้าที่ปกป้องดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของประเทศไว้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ “เพื่อให้การดำเนินงานมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น”
โดยได้เน้นย้ำและมอบ 8 แนวทางการทำงานหลัก แก่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ดังนี้
1. การอนุรักษ์และปกป้องพื้นที่ป่า : น้อมนำแนวพระราชดำริมาเป็นหลักในการจัดการ พร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพการลาดตระเวนและการบริหารจัดการพื้นที่
2. ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ : ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ติดตั้งระบบเตือนภัย และใช้พื้นที่ป่าเป็นแนวกันชนทางธรรมชาติ
3. การป้องกันและควบคุมไฟป่า : โดยการจัดการเชื้อเพลิงก่อนฤดูไฟ และปรับยุทธวิธีเป็นการตรึงกำลังที่จุดเฝ้าระวัง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้เผาป่า
4. ฟื้นฟูพื้นที่ป่าอนุรักษ์ : เพื่อเพิ่มศักยภาพการอนุรักษ์ดินและน้ำ ลดความเสี่ยงอุทกภัยและดินถล่ม และช่วยเพิ่มการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ
5. ส่งเสริมเศรษฐกิจจากนิเวศบริการ : พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเน้นการจัดทำมาตรการควบคุมในพื้นที่เปราะบาง และนำเทคโนโลยีมาช่วยเรื่องการจัดเก็บเงินรายได้ให้เกิดความโปร่งใส
6. แก้ไขปัญหาช้างป่าและสัตว์ป่า : บูรณาการความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่เพื่อเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง พร้อมมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว
7. พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ : เร่งรัดการจัดระเบียบการอยู่อาศัยให้ถูกต้องตามกฎหมาย และส่งเสริมการถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ประชาชนเป็นกำลังสำคัญในการดูแลทรัพยากรป่าไม้
8. ดูแลขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่ : จัดให้มีสวัสดิการและมาตรการสนับสนุนที่เหมาะสม เพื่อเสริมพลังในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ มีภารกิจหลักในการดูแลผืนป่าอนุรักษ์กว่า 73.857 ล้านไร่ ครอบคลุม 133 อุทยานแห่งชาติ เตรียมการอุทยานแห่งชาติ 23 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 60 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 98 แห่ง เตรียมการเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 23 แห่ง วนอุทยาน 91 แห่ง สวนพฤกษศาสตร์ 17 แห่ง และสวนรุกขชาติ 51 แห่ง โดยมีโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในตามกฎกระทรวง ส่วนกลางประกอบด้วย 8 สำนัก และ 2 กอง และส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย 16 สำนัก และ 5 สาขา โดยมีวิสัยทัศน์ “คุ้มครอง ฟื้นฟู ป่าอนุรักษ์ให้มีความสมบูรณ์ เพื่ออำนวยประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน” ปัจจุบันมีกำลังพลรวมทั้งสิ้น 36,044 คน (รวมเจ้าหน้าที่และเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานฯ หรือ อส.อส. กว่า 17,604 คน) ที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายหลักคือ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
สำหรับการครบรอบ 23 ปี กรมอุทยานฯ มีผลงานเด่นที่มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม 9 ด้าน ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ดังนี้ การสานต่อพระราชปณิธาน มีการขับเคลื่อนงานสนองพระราชดำริ 116 โครงการ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์กว่า 2,500 ชุมชน และโครงการ พัชรสุธาคชานุรักษ์ ที่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งคนกับช้างป่าอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังน้อมนำโครงการอนุรักษ์แนวปะการังฯ ตามพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
การปราบปรามการทำลายป่าอย่างเข้มข้นโดยใช้ระบบ SMART Patrol และ iForMS (ไอฟรอม) เพื่อปฏิบัติงานเชิงรุก ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงบุกรุกป่า ทำให้ระหว่างปี 2563-2568 มีคดีความผิดด้านป่าไม้และสัตว์ป่ารวม 11,930 คดี และยังสามารถทำลายเครือข่ายค้าไม้เถื่อนข้ามชาติรายใหญ่ เช่น ยึดไม้ประดู่มูลค่ากว่า 14 ล้านบาทที่จังหวัดหนองคาย แก้ปัญหาไฟป่า-PM 2.5 ด้วยเทคโนโลยี มียกระดับมาตรการรับมือไฟป่าภายใต้แนวคิด "เห็นไว เข้าถึงไว ควบคุม และดับได้ไว" โดยใช้โดรน ดาวเทียม และแอปพลิเคชันคาดการณ์ไฟป่า ส่งผลให้ปี 2568 สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ดีขึ้นอย่างมาก โดย จุดความร้อนลดลงถึงร้อยละ 40.69 และ พื้นที่เผาไหม้ลดลงร้อยละ 26.51 จากปี 2567 พลิกโฉมอุทยานแห่งชาติสู่ยุคดิจิทัล (E-National Park) มุ่งปฏิรูปการบริการ
โดยปี 2569 จะเดินหน้าโครงการ E-Ticket, E-Service (จองที่พักและบริการ) และ E-Accounting เพื่อรวมบริการทั้งหมดไว้ในแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เดียว เพิ่มความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และสร้างความโปร่งใสในการจัดเก็บและบริหารรายได้อุทยาน ซึ่งปี 2568 จัดเก็บรายได้สูงถึง 2,101.3 ล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 18.96 ล้านคน การจัดการที่ดินเพื่อความอยู่รอดของชุมชน กรมอุทยานฯ ได้เดินหน้าจัดการที่ดินทำกินตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อออก หนังสือรับรองการอยู่อาศัยหรือทำกิน (อส.12 ก/ข) ให้แก่ราษฎรที่ผ่านคุณสมบัติ เพื่อให้สามารถดำรงชีพ ทำกิน และสืบสิทธิสู่ลูกหลานได้ตามกฎหมาย โดยมีเป้าหมายในพื้นที่ 224 ป่าอนุรักษ์ เนื้อที่ 4.257 ล้านไร่ ด้านอนุรักษ์ต้นน้ำและพัฒนาชุมชนอย่างสมดุล มีการดูแลพื้นที่ป่าต้นน้ำกว่า 63 ล้านไร่ ที่มีศักยภาพกักเก็บน้ำใต้ดินเทียบเท่า เขื่อนภูมิพล 3 เขื่อน พร้อมทั้งพัฒนา ระบบประปาภูเขา เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงน้ำอุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอ การบริหารจัดการสัตว์ป่าเชิงเศรษฐกิจและการอยู่ร่วมกัน มุ่งเน้นการแก้ปัญหาช้างป่า 6 มาตรการ ทั้งการสร้าง คูกันช้าง รั้วไฟฟ้า และการ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสูงสุด 1,000,000 บาท นอกจากนี้ยังได้ทำหมันลิงไปแล้วกว่า 33,970 ตัว และล่าสุดได้เพิ่ม “เหี้ย” เข้าในบัญชีสัตว์ป่าที่สามารถเพาะพันธุ์เชิงเศรษฐกิจได้ เพื่อสร้างอาชีพใหม่ให้กับประชาชน มุ่งขับเคลื่อนคาร์บอนเครดิตและมรดกโลก มีออกระเบียบการแบ่งปันคาร์บอนเครดิต พ.ศ. 2568 เพื่อส่งเสริมให้บุคคลและชุมชนเข้ามาดูแลป่า โดยมีเป้าหมายให้ป่าไทยดูดกลับก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 120 ล้านตัน ภายในปี 2580 และผลักดันพื้นที่คุ้มครองที่มีคุณค่าระดับโลก เช่น มรดกโลกทางธรรมชาติ 3 แห่ง และ อุทยานมรดกอาเซียน 9 แห่ง ตลอดจนยกระดับสวัสดิการเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ได้ปรับเพิ่มค่าตอบแทนเป็น 11,000 บาทต่อเดือน และดูแลสวัสดิการกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิตสูงสุด 1,000,000 บาท นอกจากนี้ยังได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง สนับสนุนการปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา โดยการเปลี่ยนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร
นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมสนองนโยบายของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาเป็นแนวทางการปฏิบัติงาน ในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่า พัฒนาโดยยึดหลักความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และประชาชน
การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ บริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเร่งแก้ไขปัญหา PM 2.5 ไฟป่า หมอกควัน อย่างจริงจัง โดยนำเทคโนโลยี AI และดิจิทัล มาเพิ่มประสิทธิภาพจัดการทรัพยากร พร้อมบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเป็นเอกภาพ สนับสนุนฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งเสริมสวัสดิการเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะยังคงยืนหยัดในภารกิจองค์กรนำแห่ง
การอนุรักษ์ พิทักษ์ คุ้มครอง ป้องกัน และฟื้นฟูของผืนป่าอนุรักษ์ไทย ส่งเสริมสร้างสมดุลให้คนกับป่า อยู่ร่วมกันได้อย่างเกื้อกูล เกิดเป็นความยั่งยืนอย่างสูงสุด เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติคงอยู่เป็นมรดกแห่งความอุดมสมบูรณ์ให้แก่คนรุ่นต่อไป อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน