โครงการ CCMB จับมือพันธมิตร ผลักดันไทยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง และการจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

(จากซ้าย) คุณไรน์โฮลด์ เอลเกส ผู้อำนวยการองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย, คุณจิรวัฒน์ ระติสุนทร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม, คุณเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, คุณฮานส์ อูลริช ซูดเบคอุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย, คุณชิดชนก สุขมงคล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, คุณอธึก ประเสนมูล ผู้อำนวยการ กองพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว, ดร.อังคณา เฉลิมพงศ์ ผู้อำนวยการแผนงานด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ และ IKI Interface Thailand,GIZ

 องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย ร่วมกับ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยการสนับสนุนจากแผนงานปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับสากล (International Climate Initiative: IKI) ของกระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Federal Ministry for Economic Affairs and Climate Action: BMWK) จัดการประชุมโครงการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง (Climate, Coastal and Marine Biodiversity: CCMB)ในวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.. 2567 ณ ห้องประชุมอินฟินิตี้ บอลรูม โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เพื่อชี้แจงแนวทางและแผนงานของโครงการฯ พร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 

คุณฮานส์ อูลริช ซูดเบค อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทยกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงานว่า "ประเทศเยอรมนีและไทยเป็นพันธมิตรด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนมาอย่างยาวนาน ซึ่งแผนงาน IKI ที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลเยอรมนีเมื่อ 16 ปีก่อนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาและร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย นอกจากนั้น IKI ยังช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทยและเยอรมนีเป็นอย่างดีจนทำให้มีพันธมิตรจากหลากสาขาในหลายโครงการ สำหรับโครงการ CCMB ที่ดำเนินการโดย GIZ ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่สำคัญคือ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาที่ลดการปล่อยคาร์บอน สร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของทะเลและชายฝั่ง พร้อมสนับสนุนทั้งสองหน่วยงานในการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา”

 

ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงานว่า “โครงการ CCMB มุ่งดำเนินงานด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเงินเพื่อสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ความหลากหลายชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยทำงานผ่านเครื่องมือที่หลากหลาย ทั้งเครื่องมือทางกฎหมาย เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ และเครื่องมือเชิงพื้นที่ เช่น พื้นที่คุ้มครองทางทะเล พื้นที่ที่มีมาตรการคุ้มครองอื่นที่มีประสิทธิภาพ (Other Effective Area-based Conservation Measures: OECMs) และพื้นที่ที่มีความสำคัญเชิงนิเวศหรือชีววิทยา นอกจากนั้น โครงการฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายของผู้เชี่ยวชาญผ่านการให้งบประมาณสนับสนุนแก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญของไทยจากหลากหลายสาขาได้เข้ามาสนับสนุนทางวิชาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการขับเคลื่อนการทำงานต่อไป สำหรับภาคีเครือข่ายที่มาร่วมการประชุมในวันนี้ถือเป็นพันธมิตรสำคัญในการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถยกระดับศักยภาพและความพร้อมในมิติต่างๆ เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการปรับตัวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมการพัฒนาที่ส่งผลเชิงบวกต่อธรรมชาติ และมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องมีการทำงานที่สอดประสานกันทั้งในระดับนโยบายไปสู่ระดับปฏิบัติ โดยเชื่อมโยงกับการพัฒนาองค์ความรู้เชิงวิชาการควบคู่กันไป”

 

โดยคุณเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับขีดจำกัดของโลกว่า ปัจจุบันกิจกรรมจากน้ำมือมนุษย์ได้กระตุ้นให้เกิดการละเมิดขีดจำกัดนี้ไปแล้วอย่างน้อย 6 ด้านจากทั้งหมด 9 ด้าน ได้แก่ (1) การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ (2) การสร้างมลภาวะที่เกิดจากธาตุอาหารพืชโดยเฉพาะไนโตรเจนและฟอสฟอรัสที่มากเกินไป (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางบกโดยเฉพาะการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ (5) การเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรน้ำจืด และ (6) มลภาวะจากสารเคมีและสิ่งที่ผลิตจากมนุษย์ เช่น ยาฆ่าแมลงและยากำจัดศัตรูพืช สารเคมีทางอุตสาหกรรม และไมโครพลาสติก

“โครงการ CCMB ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่มีความเชื่อมโยงกัน พร้อมเปิดโอกาสให้หลายหน่วยงานในไทยได้ร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมีภูมิคุ้มกันต่อไปผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานร่วมกันในโครงการนี้จะนำไปสู่การพัฒนากรอบนโยบาย และเครื่องมือขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาด้านทรัพยากรทะเลและชายฝั่งที่ยั่งยืน พร้อมพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวให้ดีขึ้นเช่นกัน” คุณเถลิงศักดิ์กล่าวเสริม

 

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาในหัวข้อสำคัญ ได้แก่ “นโยบายไทยในวาระโลก: มุมมองของการมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Decarbonisation) การสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Resilience) และการพัฒนาที่ส่งผลเชิงบวกต่อธรรมชาติ (Nature Positive Development)” โดยรองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว

 

กิจกรรม TED Talk หัวข้อ “มุมมองผู้เชี่ยวชาญในการมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ การสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาที่ส่งผลเชิงบวกต่อธรรมชาติโดย รศ.ดร.บัณฑิต ลิ้มมีโชคชัย จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คุณศุภกร ชินวรรโณ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.วิชิน สืบปาละ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงและปิดท้ายด้วยการเสวนาในหัวข้อ “การเดินทางเพื่อขับเคลื่อนสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ การสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาที่ส่งผลเชิงบวกต่อธรรมชาติโดยคุณสุวิทย์ นะวะคำ จากสถาบันปลูกป่าและนิเวศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คุณชุตินันท์ โมรา ช่างภาพ/วิดีโอใต้น้ำระดับเอเชีย และผู้ก่อตั้งเพจ Sea Slug Thailand และคุณกิตติคุณ ศักดิ์สูง ตัวแทนจากเครือข่ายเยาวชนระดับโลกเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ ประจำภูมิภาคเอเชีย (GYBN Asia)ดำเนินรายการโดย ดร.เพชร มโนปวิตร นายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย

เกี่ยวกับโครงการ CCMB

โครงการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง (Climate, Coastal and Marine Biodiversity: CCMB) เป็นโครงการความร่วมมือทวิภาคีไทยและเยอรมนี มีระยะเวลาดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2570 และมีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพของไทย ทั้งในภาพรวม และมุ่งเน้นการดำเนินงานในสาขาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โครงการฯ ให้ความสำคัญกับแนวทางทำงานใน 4 มิติ คือ เสริมศักยภาพ สร้างความร่วมมือ ขับเคลื่อนบูรณาการ และประสานเชื่อมโยง ทั้งนี้ ความร่วมมือระดับยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐบาลเยอรมนีและรัฐบาลไทยที่มีความมั่นคงและก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ ถือว่ามีส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยในฐานะพันธมิตรการพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความก้าวหน้าในหลายมิติของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

เกี่ยวกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)

องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ (จีไอแซด) เป็นองค์กรของรัฐบาลเยอรมนีที่ดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมุ่งทำงานเพื่อออกแบบอนาคตที่น่าอยู่สำหรับผู้คนทั่วโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 50 ปีในการดำเนินงานในหลากหลายสาขา GIZ ทำงานร่วมกับภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และสถาบันวิจัยมากมาย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านนโยบายการพัฒนาในสาขาต่างๆ ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมในการดำเนินงานให้บรรลุผลสำเร็จ

GIZ ดำเนินโครงการในประเทศไทยไปแล้วกว่า 500 โครงการเพื่อส่งเสริมประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นปีที่ความร่วมมือไทย-เยอรมันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการจากการก่อตั้งโรงเรียนอาชีวศึกษาไทย-เยอรมัน โดยความร่วมมือไทย-เยอรมันดำเนินงานตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (Agenda 2023) รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) และสนธิสัญญาในระดับนานาชาติ

สำนักงานใหญ่ของ GIZ ตั้งอยู่ที่เมืองบอนน์และเมืองเอชบอร์น สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยในปี พ.ศ. 2565 GIZ ได้รับเงินสนับสนุนการดำเนินงานกว่า 152 พันล้านบาท (4 พันล้านยูโร) GIZ ดำเนินงานอยู่ในประเทศต่างๆ มากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานประมาณ 25,422 คน ซึ่งประมาณร้อยละ 70 เป็นคนในประเทศ

Visitors: 1,144,004