GULF MTP ร่วมกับ เทศบาลเมืองเนินพระ กลุ่มประมงหาดสุชาดา ฯ ปฏิบัติการ ” ตะลุยโคลนโยนจุลินทรีย์ฟื้นฟูป่าชายเลน จ.ระยอง “ ปีที่ 4

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568  มีการจัดกิจกรรมฟื้นฟูป่าชายเลน จ.ระยอง  โดย บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด (GMTP) ผู้แทนบริษัทฯโดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผช.ผอ.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ฯ (วิทยากรโครงการ) นายศุภฤกษ์ โสภณราพงษ์ ผช.ผจก.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ (ผู้รับผิดชอบโครงการ)  ร่วมกับ เทศบาลเมืองเนินพระโดย นายนายศุภชัย จิตรดล นายกเทศมนตรีเมืองเนินพระ  จ.ระยอง  และ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา เทศบาลเมืองเนินพระ จ.ระยอง โดย นายลำเพย แว่วเสียง ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา ฯ  พร้อมด้วย พนักงานอาสา และ สมาชิกกลุ่มประมง เดินหน้าปฏิบัติการต่อเนื่องในการฟื้นฟูป่าชายเลนด้วยนวัตกรรมจุลินทรีย์ ปีที่ 4  ปฏิบัติการลงแปลงปลูกป่าชายเลนต่อเนื่องวันนี้   ในกิจกรรม “ปฏิบัติการ ตะลุยโคลนโยนปุ๋ยจุลินทรีย์ ฟื้นฟูป่าชายเลน จ.ระยอง “ ปีที่ 4  

                    นายสมบูรณ์สุทัด พูลนิน รองนายกเทศมนตรีเมืองเนินพระ  จ.ระยอง  กล่าวว่า  ผมได้รับมอบหมายจากนายศุภชัย จิตรดล นายกเทศมนตรีเมืองเนินพระ  จ.ระยอง มาเป็นประธานในวันนี้  ซึ่งในฐานะของเทศบาลเมืองเนินพระฯ ในการดูแลพื้นที่ป่าชายเลนแห่งนี้ และได้พัฒนาฟื้นฟูป่าชายเลนมาอย่างต่อเนื่องรวมถึงการส่งเสริมให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลนแห่งหนึ่งของ จังหวัดระยอง รู้สึกยินดีมากที่มีภาคเอกชน อย่าง กลุ่มบริษัทกัลฟ์ และ กัลฟ์ เอ็มทีพี ฯ เข้ามาร่วมส่งเสริมพัฒนาร่วมกับชุมชนโดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา ฯ ผนึกกำลังร่วมกันและขอชื่นชมในความมุ่งมั่นตั้งใจและการนำความรู้เกี่ยวกับจุลินทรีย์ชีวภาพมาใช้เสริมในการปลูกป่าฟื้นฟูป่าชายเลน ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์เห็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นและเติบโตอย่างน่าทึ่ง อัตราการรอดสูงด้วย ทางเทศบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อมทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญของวิถีชีวิตชาวประมง และนิเวศสิ่งแวดล้อมของคนระยอง  การบูรณาการของชุมชนท้องถิ่นและภาคเอกชน เป็นการสานพลังที่ดีมากครับ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนและจะร่วมขับเคลื่อนไปด้วยกันครับ 

                    ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน  วิทยากรส่งเสริมโครงการฯ จาก GMTP  กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้ เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้ “โครงการฟื้นฟูป่าชายเลนด้วยจุลินทรีย์ “ เริ่มตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประสบผลสำเร็จในการปลูกกล้าไม้ป่าชายเลนในพื้นที่เสื่อมโทรม กว่า 1,000 ต้น มีการติดตามผล และมีการเติบโตและมีอัตราการรอดสูงกว่า 80 % ความสูงเฉลี่ยกว่า 4 เมตร ฯลฯ และ ต้นมีความแข็งทั้งรากลำต้นต้นสมบูรณ์ และบางส่วนเริ่มออกดอกมีลูกไม้แล้ว ซึ่งคือความพร้อมจะขยายพันธุ์โดยธรรมชาติได้ กล่าวได้ว่า ค่อนข้างประสบผลสำเร็จในเฟส ที่ 1 ( 3 ปีแรก ) และ วันนี้เราได้ระดมพลังพนักงานอาสา ชุมชน และเทศบาลฯ ลงปฏิบัติการแปลงติดตามดูแล ตัดหญ้า ตะลุยโคลน โยนฝังปุ๋ยก้อนถอนวัชพืชฉีดพ่นจุลินทรีย์ ต้นกล้าป่าชายเลน เพื่อปรับสภาพ ดิน น้ำ ปุ๋ย จุลินทรีย์ อินทรีย์วัตถุ ธาตุอาหาร ฯลฯ ตามเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและฟื้นฟูป่าชายเลนให้อุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อชุมชนต่อไป  สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา 3 ปี ค่อนข้างประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม  แต่บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมพัฒนาร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องให้ป่าชายเลนเติบโตและสมบูรณ์มากขึ้นสามารถจะเติบโตยั่งยืนได้ต่อไปได้   และ ความสำเร็จนั้นเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน และ กลไกสำคัญระดับพื้นที่ คือ กลุ่มประมงฯหาดสุชาดา ที่ติดตามดูแลป่าชายเลนนี้มาโดยตลอด ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจดูแลรักษาป่าชายเลนแห่งนี้ให้อยู่คู่กับชุมชนต่อไป  ทั้งนี้เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อชุมชน  และ  บริษัท GMTP  รู้สึกยินดี และจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาสิ่งแวดล้อมชุมชนให้ดียิ่งขึ้นไปครับ   ขอบคุณครับ 

                     นายนัฐพงศ์ อนุนัย บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด GMTP   นอกจากภารกิจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ฐานของประเทศ ของพื้นที่ระบียงเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี)  จ.ระยอง และความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล   นอกจากนั้น อีกภารกิจหนึ่งที่สำคัญ คือ งานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ของบริษัทฯ  ซึ่งบริษัทฯได้ตระหนักว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน  ซึ่งบริษัทมีนโยบายชัดเจนในการร่วมกับพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อชุมชน  จากการสำรวจ พบว่า ป่าชายเลนเทศบาลเมืองเนินพระฯ แห่งนี้ เป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อระบบนิเวศชายฝั่งแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และวิถีชีวิตชาวประมง และชุมชน  จึงได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ และได้ จัดโครงการความร่วมมือระหว่าง GMTP -เทศบาลเมืองเนินพระ- และกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา   จัดโครงการ “อนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลนด้วยจุลินทรีย์” ขึ้น ซึ่งได้ผ่านมา 3 ปี ก้าวสู่ปีที่ 4  และจะร่วมขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมชุมชนต่อไปครับ  

                  

          นายลำเพย แว่วเสียง วิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา กล่าวว่า เรารู้สึกยินดีมากและขอบคุณที่ภาคเอกชนบริษัทกัลฟ์ ฯ ได้ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมชุมชนและวิถีชีวิตของชาวประมงเรือเล็กพื้นบ้านในท้องถิ่น ฯ และได้จัดวิทยากรมาส่งเสริมเพิ่มความรู้แก่ชุมชน รวมถึงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชน ทำให้เราได้นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดูแลฟื้นฟูป่าชายเลน ฯ และนำเศษปลาก้างปลาไส้ปลาหัวปลาของเสียที่จะต้องทิ้งให้เป็นมลภาวะสิ่งแวดล้อม เราสามารถนำกลับมาผ่านกระบวนการหมักด้วยจุลินทรีย์ เป็นผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน เช่น ปุ๋ยน้ำชีวภาพจากปลาหมัก การทำปุ๋นอินทรีย์ ปั้นจุลินทรีย์ก้อน ฯลฯ ทั้งนำไปฟื้นฟูป่าชายเลน ทำเกษตร ใช้ในครัวเรือนและจำหน่ายเป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่ง ครับ และ ความร่วมมือของทางเทศบาลเมืองเนินพระฯได้สนับสนุนการทำงานร่วมกันทั้ง 3 ภาคคส่วน มาโดยตลอด จึงเกิดมี ผลงานในการฟื้นฟูป่าชายเลน และ มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สามารถสร้างรายได้แก่ชุมชนด้วย  ขอขอบคุณทุกภาคส่วนด้วยครับ 

             ผู้สื่อข่าวได้ติดตามการดำเนินโครงการนี้ ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน กล่าวได้ว่าเป็นโครงการที่ดีมากและเป็นโมเดลที่น่าสนใจ กล่าวคือ  1) การผนึกกำลังของภาคส่วนเอกชน ท้องถิ่นและภาคชุมชน เกิดพลังการพัฒนาที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น 2) การทำโครงการที่เกิดผลลัพธ์ที่ดีเป็นรูปธรรม นั้น มีการดำเนินงานที่มีการนำองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับเรื่องที่พัฒนาเป็นการพัฒนาสักยภาพด้านความรู้แก่ชุมชนและการส่งเสริมจัดตั้งองค์กรชุมชนเป็นกลไกการบริหารจัดการมำให้ชุมชนได้มีศักยภาพเป็นระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น  3) กระบวนการทำงาน ที่เกิดประสิทธิภาพมีประสิทธิผล เกิดจากการคิดและจัดทำอย่างเป็นระบบ มีองค์ความรู้และแผนรองรับ และ สำคัญคือความต่อเนื่องด้วยเป็นหัวใจสำคัญของผลสำเร็จ (หากทำเป็นอีเว้ทนท์ หรือเป็นกิจกรรมครั้งแล้วจบจะไม่ประสบผลลัพธ์มากเท่าที่ควร   4) การสื่อสารเพื่อการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญให้เกิดพลังความร่วมมือและการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน ร่วมกันคนละไม้คนละมือ เกิดพลังผลักดันเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งสื่อมวลชนก็เป็นอีกองค์กรที่เข้ามาร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนให้มีพลังมากยิ่งขึ้น  เป็นต้น ดังกล่าว จึงเป็นโมเดลที่ดีและเป็นต้นแบบแห่งหนึ่ง ในกระบวนการสร้างความร่วมมือ ในการขับเคลื่อนกิจกรรมที่ทรงพลัง ที่สามารถมีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง  ซึ่งน่าสนใจและขอชื่นชม

Visitors: 3,176,619