สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ 17-21 ก.ค. 66 และแนวโน้มสัปดาห์ที่

                                  ตารางราคาน้ำมันเฉลี่ยรายสัปดาห์ [เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล]

 

น้ำมันดิบ

น้ำมันสำเร็จรูป

 

เบรนท์
(ICE Brent)

เวสท์เท็กซัสฯ
(NYMEX WTI)

ดูไบ (Dubai)

เบนซิน
ออกเทน  95

ดีเซล

ราคา

79.66

75.59

80.57

100.91

101.23

เปลี่ยนแปลง

-0.03

+0.41

+0.57

+4.17

+1.59

 

 

 

 

 

 

 

 

        

 

ราคาน้ำมันดิบย้อนหลัง 15 วัน


            ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. 66 ลดลง 0.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 79.66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาปิดวันที่ 21 ก.ค. 66 อยู่ที่ 81.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล กลับมาเหนือระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 6 วัน  จากสถานการณ์สงครามยูเครนและรัสเซียตึงเครียดอาจก่อให้เกิดวิกฤตอาหารทั่วโลก ล่าสุด วันที่ 17 ก.ค. 66  รัสเซียไม่ต่ออายุข้อตกลงรับรองความปลอดภัยให้ยูเครนส่งออกธัญพืชในทะเลดํา (Black Sea Grain Deal) และโจมตีท่าเรือและคลังเก็บธัญพืชของยูเครนอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุปทานธัญพืชชะงักงันและส่งผลให้อุปทาน Ethanol และ Biodiesel ขณะที่รัสเซียเตือนว่าไม่รับประกันความปลอดภัยของเรือสินค้าที่แล่นผ่านทะเลดำเข้ายูเครนทุกลำโดยถือว่าเป็นเป้าหมายที่อาจขนส่งยุทโธปกรณ์ทางทหาร เหตุข้างต้นเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศผ่านทะเลดำ

ภาพรวมด้านปัจจัยพื้นฐาน มีแรงหนุนจากภาวะตึงตัวตามมาตรการของ OPEC+ ซึ่ง Bloomberg รายงานปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบและคอนเดนเสทของรัสเซีย (ผ่านทางท่อและทางเรือ) ในเดือน มิ.ย. 66 ลดลง 3 แสนบาร์เรลต่อวันจากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 4.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย นาย Alexander Novak ประกาศว่ารัสเซียจะลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบ 5 แสนบาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. 66

            ในสัปดาห์นี้คาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวในกรอบ 78-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยนักลงทุนติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) และธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) ในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า Fed และ ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เนื่องจากยังไม่บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่สูงกว่าเพดานที่ 2% จากปีก่อนหน้า อนึ่ง ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ (Consumer Price Index: CPI) ในเดือน มิ.ย. 66 อยู่ที่ 3.0% จากปีก่อนหน้า ต่ำสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. 64 และของยูโรโซน (Harmonised Index of Consumer Prices: HICP) ในเดือน มิ.ย. 66 อยู่ที่ 5.5% จากปีก่อนหน้า ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 65

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

·        หน่วยงานศุลกากรของจีน (General Administration of Customs: GAC) รายงานปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน มิ.ย. 66 เพิ่มขึ้น 4.6% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 12.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยนำเข้าจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 9.71% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 2.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

·        เกิดคลื่นความร้อนในยุโรป โดยเฉพาะอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์  ซึ่งมีแนวโน้มผลักดันให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น ล่าสุด The Guardian รายงานอุณหภูมิในเมือง Rome, Florence และ Bologna ของอิตาลี สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส 

·        Baker Hughes Inc. รายงานจำนวน Rig ขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. 66 ลดลง 7 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 530 แท่น ต่ำสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. 65

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ

·        JP Morgan ปรับลดคาดการณ์ GDP ของจีน ในปี 2566 อยู่ที่ 5.0% จากปีก่อนหน้า (คาดการณ์ครั้งก่อนที่ 5.5% จากปีก่อนหน้า)

·        สำนักข่าวรัสเซีย TASS รายงานเวเนซุเอลามีแผนเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบสู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2566 โดยจะส่งออกราว 60% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด ทั้งนี้ OPEC รายงาน เวเนซุเอลาผลิตน้ำมันดิบในเดือน มิ.ย. 66 อยู่ที่ 0.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน 

Visitors: 1,159,935